กระพุ้งแก้มลอก เกิดจากอะไร มีิธีการดูแลช่องปากอย่างไรบ้าง

กระพุ้งแก้มลอก

หลาย ๆ ครั้งการทำความสะอาดฟันและก็ช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราจำเป็นต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ด้วยสุขภาพในช่องปากนั้นสำคัญ บ่งบอกบุคลิกของเราได้ด้วย ผู้ที่มีกลิ่นปาก ฟันเหลืองมีคราบฟัน เป็นที่น่ารังเกียจของสังคม ทุกคนต่างก็ต้องการมีสุขภาพช่องปากที่ดี ที่ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ฟันขาวดูสะอาด ชวนมอง น่าอยู่ใกล้พูดคุยด้วย จึงมักจะสรรหาตัวช่วยดี ๆ เพื่อดับกลิ่นปาก คราบสิ่งสกปรก เช่นน้ำยาบ้วนปาก ใช้แล้วมีกลิ่นหอมทันที รู้สึกสะอาดทั่วปาก แต่ทางการแพทย์มีการเตือนว่าน้ำยาบ้วนปากมีอันตรายต่อร่างกายนะคะ แต่ว่าถ้าหากพวกเราใช้อย่างถูกวิธีก็ทำให้ปากเราไม่มีกลิ่นได้ค่ะ

อันตรายจากการใช้น้ำยาบ้วนปากไม่ถูกต้อง

  1. ห้ามใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟัน เพราะว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นเพียงแค่เพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นให้กับช่องปากเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ว่าคราบจุลินทรีย์ เศษอาหาร และอื่น ๆ ยังคงอยู่ตามซอกเหงือกซอกฟัน รวมถึงกระพุ้งแก้มลอก ลิ้น และอื่น ๆ ดังนั้นควรที่จะใช้น้ำยาบ้วนปากเพิ่มเติมหลังจากแปรงฟัน แล้วเท่านั้น (ถ้าเกิดไม่อาจจะแปรงฟันได้ ควรที่จะใช้ไหมขัดฟัน แล้วก็ต่อด้วยน้ำยาบ้วนปากก็ได้)
  2. น้ำยาบ้วนปาก ไม่อาจจะรักษาอาการต่าง ๆ ของโรคในช่องปากได้ หลายท่านอาจใช้ในการอมไว้รอบ ๆ เหงือก หรือจุดที่มีฟันผุ เพื่อหวังจะช่วยลดอาการเหงือกบวมอักเสบ หรือรักษาฟันผุได้ รวมถึงอาการเสียวฟัน ที่แม้ว่าน้ำยาบ้วนปากจะมีส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องของอาการเสียวฟัน แต่ถ้าเกิดเป็นอาการเสียวฟันที่มีต้นเหตุมาจากคอฟันสึก แล้วเราใช้น้ำยาบ้วนปากช่วย แล้วเพิกเฉยต่ออาการดังกล่าว อาจจะส่งผลให้เราไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธีจากหมอ แล้วก็อาการคอฟันสึกก็แย่ลง ไม่อุดคอฟัน จนทำให้คอฟันสึกลึกลงไปถึงโพรงประสาทฟัน จนปวดฟัน แล้วต้องเปลี่ยนไปรักษารากฟันแทนการอุดคอฟันที่รักษาง่ายกว่า หรือหากเป็นโรคปริทันต์อักเสบ น้ำยาบ้วนปากก็ไม่ได้ช่วยรักษาโรคจากต้นเหตุจริง ๆ ถ้าหากปล่อยไว้อาจส่งผลให้เราเพิกเฉยต่อโรคจนมีอาการหนักเพิ่มมากขึ้น
  3. ถ้าเกิดใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป บางทีอาจเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียดี ๆ ที่อาศัยอยู่ในปาก แล้วก็อาจจะส่งผลให้กำเนิดเชื้อราด้านในปากตามมาภายหลังได้ ยิ่งกว่านั้นยังอาจจะเป็นผลให้ฟันเกิดคราบหินปูนได้ง่าย ตุ่มรับรสชาติจากลิ้นเพี้ยนไป รวมทั้งสีเคลือบผิวฟันเปลี่ยน และยังทำให้กระพุ้งแก้มลอกได้อีกด้วย
  4. ถ้าเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือกรดแรงจนเกินไป อาจทำให้เยื่อบุภายในช่องปากระคายเคือง ผิวฟันบางลง จนอาจส่งผลให้เกิดอาการเสียวฟันตามมา

กระพุ้งแก้มลอก ต้องรักษายังไง

วิธีการใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างถูกวิธี

น้ำยาบ้วนปากมีหลายแบบเหมือนยาสีฟันค่ะ หลายสูตร หลายส่วนผสม แต่ว่าควรที่จะเลือกที่ไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ หรือมีน้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปาก และยังอาจทำให้แสบช่องปากอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังส่วนผสมที่เป็นกรด ที่อาจทำให้ผิวฟันกร่อน เคลือบฟันบางลง แล้วก็บางทีอาจเกิดอาการเสียวฟันตามมาได้ น้ำยาบ้วนปากเราจะใช้เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับในการกำจัดสิ่งสกปรก ในบริเวณที่การแปรงฟันหรือไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง แต่ก็ไม่อาจจะนำมาใช้รักษาสุขภาพช่องปากเป็นหลักเพียงอย่างเดียวได้ การใช้น้ำยาบ้วนปากสามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังแปรงฟัน และเวลาใช้ควรจะกลั้วให้ทั่วปากแล้วอมทิ้งเอาไว้ประมาณ 30-60 วินาที ไม่ควรนานเกิน 1 นาที แต่หากทิ้งเอาไว้น้อยกว่า 30 นาทีอาจจะไม่ค่อยเกิดประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ และไม่จำเป็นที่จะต้องบ้วนน้ำเปล่าตามหลังการใช้น้ำยาบ้วนปาก น้ำยาบ้วนปาก ช่วยทำให้ช่องปากของเราหอมสดชื่น แต่ไม่ได้ช่วยรักษาโรค และอาการผิดปกติต่าง ๆ ในช่องปากแต่อย่างใด ถ้ามีอาการเหงือกบวมอักเสบ ฟันผุ มีแผลในช่องปาก เหงือกร่น กระพุ้งแก้มลอก หรือปัญหาอื่น ๆ ควรจะไปพบหมอฟัน และควรจะพบหมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก ๆ 6 เดือนค่ะ

การรักษาช่องปากให้ไม่มีกลิ่นทำได้ดังนี้

1.รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างถูกวิธี นั่นคือการแปรงฟันอย่างสะอาด ทั่วทุกซี่ ใช้เวลาให้นานเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก็ก่อนนอน โดยใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยทุกครั้ง

2.อย่าลืมแปรงทำความสะอาดลิ้นและริมฝีปากด้วยทุกครั้งที่แปรงฟัน

3.ถ้าหากจำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก ควรที่จะทำการเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สูตรอ่อนโยน และไม่ใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

4.กลิ่นปากยังเกิดได้จากอาการป่วยของโรคอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น โรคกรดไหลย้อน โรคในช่องปาก อาทิเช่น โรคปริทันต์ โรคเหงือก ฟันผุ อื่น ๆ อีกมากมาย ควรจะรักษาที่โรคเหล่านั้นซึ่งเป็นสาเหตุ กลิ่นปากนั้นก็จะหายไป

5.วิธีการตรวจว่ามีกลิ่นปากจริงหรือไม่นั้น ทำได้โดยการสังเกต จากคนที่อยู่รอบข้าง หรือเอาช้อนมาขูดลิ้นแล้วทิ้งเอาไว้ 5 วินาที หลังจากนั้นเอามาดม ถ้าเกิดพบว่ามีกลิ่นเหม็นแนะนำให้มาพบหมอฟันเพื่อตรวจหาปัญหาในช่องปาก

กลิ่นปากสามารถรักษาให้หายได้ถ้าเรารู้จักทำความสะอาดทุกวัน และการแปรงฟันก็เช่นเดียวกันอย่างน้อยต้องแปรงวันละ 2 ครั้งคือตอนเช้าแล้วก็ตอนเย็น ตอนเช้าแนะนำให้แปรงตอนกินอาหารเสร็จนะคะ เพราะถ้าเราแปลงก่อนอาหารเศษอาหารก็จะติดที่ฟันและก็ทำให้เกิดแบคทีเรียในช่องปากทางที่ดีตื่นตอนเช้าให้บ้วนแค่ปากและมาทานข้าวพอทานเข้าเสร็จแล้วค่อยไปแปรงฟันทำแบบนี้ทุกวันรับรองว่าคุณจะไม่มีกลิ่นปากแน่นอนค่ะ