แก้มกลม แก้มป่อง เป็นปัญหาที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งกรรมพันธุ์ การรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ ทานอาหารขยะที่มีแต่ ไขมัน แป้ง น้ำตาล และเกลือ มากเกิน รวมไปจนถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก และดื่มน้ำน้อยเกินไป เมื่อมีไขมันที่แก้มมากต้องมองหาวิธีลดแก้ม ทำไง เพื่อที่จะลดไขมันบริเวณแก้มให้รูปหน้าให้เล็กลง
ในส่วนของเรื่องอายุ เมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น โครงสร้างของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน บนใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป ไขมันที่เคยเกาะกลุ่มแน่นตึงบนใบหน้า จะเริ่มสลายไป และเคลื่อนตัวลงล่าง มากระจุกรวมกันบริเวณช่วงล่างของใบหน้า ทำให้เกิดแก้มห้อย คอเหนียง คาง 2 ชั้น หน้าบาน ซึ่งเป็นปัญหาของผิวที่เสื่อมสภาพ และมีอายุ
ปัจจุบันนี้สาว ๆ ทั้งหลายต่างก็ต้องการที่จะทำให้ตัวเองดูมีบุคลิกภาพที่ดี เมื่อมีรูปหน้าที่สวยงามก็สามารถที่จะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองได้ จึงต้องมองหาวิธีที่จะลดแก้ม ซึ่งมีมากมายหลายวิธี ทั้งวิธีธรรมชาติ และวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่นำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยนั่นคือการทำศัลยกรรมลดแก้ม ซึ่งในวันนี้เราจะมานำเสนอทั้ง 2 วิธี ดังนี้
วิธีลดแก้ม ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่พึ่งศัลยกรรม
- เป่าลูกโป่ง กระชับแก้ม
ในขณะที่เราเป่าลมเข้าลูกโป่งกล้ามเนื้อบริเวณแก้มจะเคลื่อนไหว ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้แก้มกระชับขึ้นได้ ซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้ ให้นำลูกโป่งมา 1 ลูก และเป่าลมเข้าไปเล็กน้อย ให้เป็นลูกเล็ก ๆ ก็พอ แล้วปล่อยลมออก แล้วเป่าใหม่ ทำซ้ำกัน 10 ครั้งต่อวัน
- บริหารใบหน้าด้วยการออกเสียง อะ อิ อุ เอะ โอะ
วิธีการนี้จะช่วยลดแก้มป่อง ๆ ให้เรียวขึ้นได้เลย เพียงแค่ออกเสียงพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่นว่า “อะ อิ อุ เอะ โอะ” ให้ได้ 3 นาทีต่อครั้ง ก็จะช่วยลดไขมันที่แก้มของเราได้
- ออกกำลังกาย ลดน้ำหนักทุกส่วนของร่างกาย
ถ้าเราอยากลดไขมันที่แก้ม อยากให้หน้าดูเรียว ก็ต้องออกกำลังกายให้ได้ทุกสัดส่วน
- หน้าเรียวด้วยการเปลี่ยนของกิน
การรับประทานอาหารที่มีไขมัน แคลอรีสูงๆ ทุกวัน น้ำหนักเราก็จะเพิ่มขึ้น และจะออกแก้มเป็นที่แรก ดังนั้น เราควรปรับเปลี่ยนอาหารการกินด้วย แนะนำให้รับประทานพวกผัก ผลไม้ อาหารที่มีโปรตีนที่จะช่วยเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อแทนไขมัน
- เคี้ยวหมากฝรั่ง บริหารกล้ามเนื้อใบหน้า
การเคี้ยวหมากฝรั่งมีส่วนช่วยลดแก้มป่อง ๆ ของเราได้ ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งพบว่า หมากฝรั่งสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น 5% นอกจากนี้ การเคี้ยวหมากฝรั่ง ยังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ช่วยให้หน้ากระชับขึ้นได้
เมื่อทราบถึงวิธีการลดแก้มบนใบหน้าด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการลดแก้มด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์กันบ้างดีกว่าว่ามีวิธีใดบ้าง
วิธีลดแก้ม ด้วยการทำศัลยกรรม
- Thermage เป็นพลังงาน RF ที่สามารถสลายไขมัน และฟื้นฟูคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวได้ดี จึงทำให้ไขมันหายไปพร้อมผิวที่กระชับขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีไขมันประเภทผิวหย่อนคล้อย หลังการรักษา ทำให้ผิวกระชับหน้าเรียวได้รูป กรอบหน้าได้รูปชัดเจน แลดูอ่อนเยาว์
- การดูดไขมันที่แก้ม(Vaser Liposelection) เป็นการดูดสลายไขมันโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวหรือสลายตัวเป็นไขมันเหลวเพื่อให้ดูดออกมาได้โดยง่าย โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวกันอื่น ๆ
- ฉีดเมโสลดแก้ม(เมโสแฟต) เป็นการกำจัดไขมันและลดเซลลูไลท์ส่วนเกินเฉพาะที่โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เป็นการฉีดยาที่มีสรรพคุณในการสลายไขมันเข้าไปบริเวณที่ต้องการ ซึ่งตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลวแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ
- ผ่าตัดลดแก้มคือ การผ่าตัดเอาไขมันที่มีอยู่ในกระพุ้งแก้มออก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกำจัดปัญหาแก้มป่องได้เป็นอย่างดีและให้ผลถาวร เหมาะกับคนไข้ที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปและมีปัญหาแก้มป่องมาจากพันธุกรรมมากกว่า
- โบทอกซ์แก้ม(Botox) เป็นการฉีดโบทอกซ์ลดกรามเพื่อทำการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กก่อน แล้วทำการฉีดโบทอกซ์เพื่อลิฟต์แก้มให้หน้าดูกระชับขึ้นอีกที วิธีนี้จะช่วยทำให้หน้าของคุณดูเรียวเล็กและแก้มดูกระชับขึ้นได้
- ร้อยไหมลดแก้มคือ การใช้ไหมทางการแพทย์เพื่อช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนยานให้ตึงกระชับ เหมาะสำหรับคนแก้มยุ้ยที่สวยอยู่แล้ว มีแก้มเล็กน้อย หน้าไม่ใหญ่มาก
- ฟิลเลอร์เติมคางการฉีดฟิลเลอร์เติมบริเวณคาง สามารถปรับรูปหน้าโดยรวมของคุณได้ หลังการฉีดจะทำให้คางของคุณดูคมขึ้นและหน้าดูเรียวยาวขึ้นเป็นรูปตัววี (V) ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนและไม่ดูกลมอีกต่อไป
บทสรุป
ลดแก้ม ทำไง ท่านสามารถปฏิบัติตามวิธีที่เราได้นำเสนอเพื่อกระชับใบหน้าให้มีรูปเรียวสวยได้ ซึ่งหากเป็นวิธีธรรมชาติท่านต้องมีวินัยในการปฏิบัติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ท่านต้องการ และหากเป็นวิธีศัลยกรรมท่านจะต้องทำการศึกษาข้อมูลและวิธีการทำให้ละเอียด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
บทความแนะนำ Gynecomastia จาก Rattinan.com